เพลโต(Plato) นักปราชญ์กรีกให้ความหมายของการเมืองว่า
“เป็นกิจกรรมที่แสวงหาความยุติธรรมและเพื่อการดำรงชีวิตที่ดีของสังคม”
อริสโตเติล (Aristotle) บิดาแห่งวิชารัฐศาสตร์ ให้ความหมายไว้ว่า “การเมือง” หมายถึงการใช้อำนาจหน้าที่เพื่อสาธารณประโยชน์”
ฮาโรลด์ลาสเวลล์ (Harold Lasswell) ว่า “การเมืองเป็นเรื่องของการใช้อำนาจหน้าที่เพื่อจัดสรรสิ่งที่มีคุณค่าในสังคม
อริสโตเติล (Aristotle) บิดาแห่งวิชารัฐศาสตร์ ให้ความหมายไว้ว่า “การเมือง” หมายถึงการใช้อำนาจหน้าที่เพื่อสาธารณประโยชน์”
ฮาโรลด์ลาสเวลล์ (Harold Lasswell) ว่า “การเมืองเป็นเรื่องของการใช้อำนาจหน้าที่เพื่อจัดสรรสิ่งที่มีคุณค่าในสังคม
หลักเกณฑ์ในการพิจารณาว่ากิจกรรมที่เรียกว่าการเมืองเกี่ยวข้องกับเรื่องต่าง
ๆ ดังนี้คือ
1.
เกี่ยวข้องกับมหาชนมีผลกระทบกับคนจำนวนมาก
2.
เกี่ยวข้องกับรัฐ
3.
เกี่ยวข้องกับนโยบายสาธารณะ
ขอบข่ายและธรรมชาติของการเมือง
โรเบิร์ต เอ เดาส (Robert A Dalh) ให้คำอธิบายถึงธรรมชาติของการเมืองไว้ดังนี้
ก.การเมืองเป็นเรื่องที่ต้องสัมพันธ์กับเรื่องอื่น ๆ ในสังคม
ข.การเมืองเป็นกิจกรรมหนึ่งของมนุษย์ในสังคมที่ไม่อาจหลีกหนีการเมืองได้
ค. การเมืองเป็นเรื่องของการปกครองกลุ่มอำนาจการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ
โรเบิร์ต เอ เดาส (Robert A Dalh) ให้คำอธิบายถึงธรรมชาติของการเมืองไว้ดังนี้
ก.การเมืองเป็นเรื่องที่ต้องสัมพันธ์กับเรื่องอื่น ๆ ในสังคม
ข.การเมืองเป็นกิจกรรมหนึ่งของมนุษย์ในสังคมที่ไม่อาจหลีกหนีการเมืองได้
ค. การเมืองเป็นเรื่องของการปกครองกลุ่มอำนาจการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ
ความสำคัญของการเมืองมี 3 ประการคือ
1.
การเมืองเป็นวิถีชีวิตแบบหนึ่งของมนุษย์ในรัฐ
2.
มนุษย์ภายในรัฐไม่อาจหลีกหนีให้พ้นจากผลกระทบทางการเมืองได้
3.
กิจกรรมทางการเมืองจะนำไปสู่การใช้อำนาจทางการเมือง
การปกครองเพื่อออกกฎหมายพัฒนาประเทศรวมทั้งการแก้ปัญหาของประเทศ
ความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองกับเศรษฐกิจและสังคมไทย
1.ความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองกับเศรษฐกิจ
การเมืองเป็นแบบแผนของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับอำนาจการปกครอง
และ
การใช้อำนาจและเศรษฐกิจเป็นเรื่องของการผลิต
การจำหน่ายจ่ายแจกทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด
ให้แก่สาธารณชนเพื่อความสมบูรณ์พูนสุขแก่ส่วนรวมนักเศรษฐศาสตร์ยอมรับว่าความเจริญทางเศรษฐกิจ
มีอิทธิพลต่อระบอบการเมืองของแต่ละสังคมเป็นอย่างยิ่งอริสโตเติลมีความเห็นว่า
เสถียรภาพทางการเมือง
ขึ้นอยู่กับสภาวะทางเศรษฐกิจมากและได้เสนอรูปแบบการปกครองที่ดีที่สุดคือรูปแบบที่เรียกว่า
“มัชฌิมวิถีอธิปไตย”
หรือ “Polity” คือ
รูปแบบการปกครองที่มีชนชั้นกลางอยู่ในสังคมจำนวนมากเศรษฐกิจ
กับการเมืองเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออกคือ
ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจต่างก็มีอิทธิพลต่อกันดังนี้
1)เศรษฐกิจมีอิทธิพลต่อการเมือง
ดังเช่นทัศนะของอริสโตเติลที่กล่าวถึงสภาวะทางการเมือซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจดังกล่าวมาแล้ว
ในเรื่องของมัชฌิมวิถีอธิปไตย(Polity)
2)การเมืองมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจคือนโยบายทางการเมืองย่อมมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจดังจะเห็นได้จากแนวนโยบายหรืออุดมการณ์ของผู้ที่มีอำนาจปกครองนำมาใช้อยู่ 2 แนวทางกว้างๆ คือแนวแรก ได้แก่
“การปล่อยเสรี” (Laissez-faire) กับแนวที่สอง คืออยู่ใต้การควบคุมดูแลโดยรัฐ
ในเรื่องของมัชฌิมวิถีอธิปไตย(Polity)
2)การเมืองมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจคือนโยบายทางการเมืองย่อมมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจดังจะเห็นได้จากแนวนโยบายหรืออุดมการณ์ของผู้ที่มีอำนาจปกครองนำมาใช้อยู่ 2 แนวทางกว้างๆ คือแนวแรก ได้แก่
“การปล่อยเสรี” (Laissez-faire) กับแนวที่สอง คืออยู่ใต้การควบคุมดูแลโดยรัฐ
2.การเมืองกับสังคม
มนุษย์เป็นสมาชิกของสังคมกิจกรรมหรือความสัมพันธ์ของมนุษย์
การรวมกลุ่มของมนุษย์ทั้งหมดถือเป็นกิจกรรมทางสังคมและถือเป็นหลักธรรมดาที่ในสังคมมนุษย์จะต้องมีความขัดแย้งเกิดขึ้นเสมอความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นเพราะการฉกฉวยแย่งชิงสิ่งที่มีคุณค่าของสังคมในระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองและเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แต่ในทัศนะตรงกันข้ามการเมืองไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความขัดแย้งเพียง
อย่างเดียวแต่อาจจะเป็นไปในรูปของความร่วมมือสมานฉันท์สร้างสรรค์สังคมกันไว้ได้กล่าวคือประชาชน
กลุ่มหนึ่งอาจจะทำความตกลงในเป้าหมายหมายร่วมกันในสังคมและร่วมกันดำเนินการเพื่อให้บรรลุ
เป้าหมายนั้นด้วยดีการเมืองมีความสัมพันธ์กันกับการควบคุมและการระงับความขัดแย้ง
ภายในสังคมการกำหนดเป้าหมายร่วมกันและการดำเนินการต่าง ๆร่วมกัน ซึ่งเป็นส่วนรวมหรือที่
เรียกว่า“กิจกรรมสาธารณะ” (Public Affair)
อย่างเดียวแต่อาจจะเป็นไปในรูปของความร่วมมือสมานฉันท์สร้างสรรค์สังคมกันไว้ได้กล่าวคือประชาชน
กลุ่มหนึ่งอาจจะทำความตกลงในเป้าหมายหมายร่วมกันในสังคมและร่วมกันดำเนินการเพื่อให้บรรลุ
เป้าหมายนั้นด้วยดีการเมืองมีความสัมพันธ์กันกับการควบคุมและการระงับความขัดแย้ง
ภายในสังคมการกำหนดเป้าหมายร่วมกันและการดำเนินการต่าง ๆร่วมกัน ซึ่งเป็นส่วนรวมหรือที่
เรียกว่า“กิจกรรมสาธารณะ” (Public Affair)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น